ไปวิ่งงาน ย่าโม มินิ-ฮาล์ฟ มาราธอน วิ่งด้วยใจ ให้ด้วยกัน
ฮาล์ฟสนามที่สองของเรา มาเจอกันที่ ย่าโม มินิ-ฮาล์ฟ มาราธอน 22 ตุลาคม 2560 จากสนามแรกของเราที่ เชียงรายมาราธอน เมื่อเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา
ขอข้ามเรื่องขั้นตอนการสมัครไปเลยนะครับ เพราะก็คล้าย ๆ กับการสมัครงานอื่น ๆ สำหรับงานนี้เขามีการจัดส่งเสื้อและ BIB ผ่านทาง Kerry Express
มาเริ่มที่การเดินทางเพื่อลงสนามกันเลย งานนี้จัดบริเวณ “สวนน้ำบุ่งตาหลั่ว” เราออกเดินทางตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ 21 ต.ค. ก่อนวันวิ่งจริง 1 วัน โดยหาห้องพักที่อยู่ไม่ไกลจากสนามแข่งมากนัก เพราะเราไปไหนแบบไม่มีรถส่วนตัวกันเลย 55 สำหรับการเดินทางเที่ยวนี้ เราเลือกเดินทางด้วยรถไฟไทย ชั้น 2 แบบนั่งปรับอากาศ ( แต่บ่าย ๆ มาเริ่มไม่ค่อยเย็น แต่ไม่ถึงกับร้อนมาก คงเป็นเพราะอากาศวันนี้ร้อนมากด้วย ) ได้เที่ยวรถด่วน ขบวน 71 กรุงเทพ ฯ – อุบลราชธานี เวลาออก 10.05 น. กำหนดเวลาถึงสถานีปลายทาง ชุมทางถนนจิระ ประมาณ 14.47 น.
รถออกจากหัวลำโพงก็ถือว่าตรงเวลานะ ก่อนออกเดินทางก็ทานอาหารให้เรียบร้อยหน่อยก็ดี เพราะอาหารที่ขายบนรถไฟก็ราคาจะแพงกว่าปกตินิดหน่อย นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ จำไม่ค่อยได้ว่าผ่านสถานีไหนบ้าง แต่ที่ผ่านแล้วสวยสุด ฟิน ๆ หน่อยก็จะเป็นช่วงที่รถไฟวิ่งผ่านเขื่อนลำตะคอง มองออกเห็นสายน้ำเส้นยาวตัดกับภูเขาและต้นไม้ที่เขียวชะอุ่ม ก็อดไม่ได้ชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย ( พอดีถ่ายจากในรถไฟกระจกมันไม่ค่อยชัด ภาพเลยดูขี้เหร่ไปนิด 55)
นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ เราเดินทางถึงสถานีนครราชสีมา 14.45 น. นึกในใจว่าช้ากว่ากำหนดเสียแล้ว ตามธรรมเนียมของรถไฟ แต่ที่ไหนได้หลังจากจอดที่สถานนครราชสีมาเกือบ 15 นาที รถไฟขยับไปอีกนิดหน่อยก็ถึงชุมทางถนนจิระ
ลงรถเรากะว่าจะจองรถเที่ยวกลับในวันรุ่งขึ้นเลย เดินเข้าไปสอบถามเวลาเดินรถ ตู้แอร์มี 2 เที่ยวคือเที่ยวแรกเวลา 09.58 เที่ยวสอง 18.00 น. จากการคาดคะเนร่างกาย วิ่งฮาล์ฟเสร็จต้องรีบกลับมาอาบน้ำเพื่อกลับบ้าน ไม่ไหวล่ะ จะเอาเที่ยวสองก็เย็นเกินไปอีกเช็คเอาท์เที่ยง หลังจากนั้นจะไปเที่ยวไหนดี ก็เลยตัดใจไม่จองตั๋วกะว่าค่อยไปหารถทัวร์กลับเอาข้างหน้า
เราเดินเข้าห้องพักด้วยใน Google map บอกว่าแค่ 1 km. ก็คิดกันเดินแค่นี้สบาย ๆ ลืมบอกเราจองห้องไว้ที่ ร่มเย็นการ์เด้นเพลส (Romyen Garden Place) ห้องพักราคา 990 มีแอร์ ตู้เย็น ไดร์เป่าผม กระติกต้มน้ำร้อน กาแฟซองให้พร้อม แต่ไม่มีอาหารเช้านะ ถ้าต้องการอาหารเช้าต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเพิ่มค่าหัวอีกคนละ 200 บาท เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราหาอะไรรองท้องจากสนามแข่งแล้วกัน ค่อยไปหาอะไรกินอีกที กว่าจะถึงห้องพักได้ก็เหงื่อโทรมกายเลย รู้แบบนี้นั่งวินมอร์ไซด์ซะก็ดี 55 ลืมบอกว่าห้องพักราคาค่อยข้างแพงในตอนแรก ที่คิดแต่พอเห็นห้องแล้วก็โอเคอยู่ห้องกว้างมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เราเคยไปพักบางที่ราคา 700 แต่ห้องเล็กว่านี้ ไม่มีตู้เย็น ไดร์เป่าผม คือถ้ามีผู้หญิงมาด้วยแล้วต้องสระผมหลังจากวิ่งเสร็จก็จะเซ็ง ๆ แต่ที่นี่มีครบ เข้าห้องพักผ่อนสักแป๊บ
ช่วงเย็นเราออกมาหาอะไรทานรองท้องก่อน เพราะเพื่อนจะแวะมารับไปกินข้าวต่อ เดินไปเห็นร้านข้าวต้มหลายร้านมาก อารมณ์คิดถึงข้าวต้นร้อน ๆ กับผัดผักบุ้ง ยำไข่เค็มที่เคยกินเวลากลับจากร้านเหล้าลอยมาเชียว อดไม่ได้แวะร้านข้าวต้ม ช.ดวงใจ เห็นคนเยอะดีน่าจะอร่อย จัดไปคนละชามกับข้าว 3 อย่าง กระเฉดหมูกรอบ ยำไข่เค็ม ผักบุ้งไฟแดง กับข้าวต้มร้อนๆ อร่อยดี
ออกจากร้านนี้เพื่อนก็มารับไปกินสเต๊กที่ร้านดูดนมสกาล่า ร้านก็อยู่ไม่ห่างจากร้านข้าวต้ม เดินไปก็ได้นะเออ .. แต่เราไปไม่ถูกเลยต้องรอเพื่อนมารับ บรรยากาศร้านนี้ก็ดีเยี่ยม น่านั่งกินชิลล์ ๆ คุยกับเพื่อน นี่ถ้าไม่ติดว่าวันรุ่งขึ้นต้องวิ่งก็คงได้เม้าท์กันมากกว่านี้ แยกย้ายกันกลับตอน 2 ทุ่มครึ่งเข้าห้องพักอาบน้ำ นอน ๆ อ๋อลืมก่อนเข้าห้องต้องหาเสบียงสำหรับรองท้องตอนเช้าด้วยนะ เราเลือกเสบียงเป็นกล้วยหอมหาง่าย ๆ ใน 7-eleven นี่แหละ ถ้าใครไปพักแบบไม่มีรถส่วนตัวก็ให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมติดต่อรถแท็กซี่หรือตุ๊ก ๆ ไว้ให้ก็ได้นะ แต่พอดีเรามีเพื่อนเดินทางมาสมทบด้วยเลยได้อาศัยติดรถเพื่อนไปสนามแข่ง
วันแข่งล่ะ ตื่นกันตั้งแต่ตี 3 เพราะปล่อยตัว 05.15 น. ออกจากห้องพักตอนตี 4 เพราะต้องวนหาที่จอดรถ ไปถึงก็ได้มีเวลาวอร์มร่างกายด้วย งานนี้ปล่อยตัวตรงเวลา ออกตัวไปตามเวลาปกติที่เคยซ้อมมา วิ่งในค่ายสุรนารี มีออกถนนอยู่ช่วงนึง อย่าถามว่าตรงไหน ไม่รู้เลย เพราะไม่ใช่คนพื้นที่จริง ๆ บรรยากาศวันนี้ออกไปทางค่อนข้างร้อนไม่เหมือนสนามแรกที่ลงฮาล์ฟ ยอมรับเลยว่าวันนี้วิ่งแบบเหนื่อย ๆ ตั้งแต่กิโลที่ 14-15 คงเพราะอากาศด้วย
งานนี้ถือว่าจัดได้ดีมี ก่อนวันงานก็มีการแจ้งการใช้ app ที่สามารถจะโพสรูปเมื่อผ่านระยะต่าง ๆ ตามจุด Check point บน Fackbook ให้เราอัตโนมัต โดยเราต้องเข้าไปทำการสมัคร และทำตามขั้นตอน
สำหรับเส้นทางการวิ่ง 21 กิโล มีน้ำดื่มให้ทุก ๆ 2 กิโล มีรถพยาบาลให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ มีเจ้าหน้าที่ค่อยให้กำลังใจเป็นบางจุด มีทหารออกมาเชียร์ด้วย ประมาณมายืนกันทั้งกองร้อย 55 พีคที่สุดคือเมื่อผ่านกิโลที่ 18 ไปแล้วเหลืออีก 3 กิโล มองเห็นคนที่วิ่งอยู่อีกฝั่งของสวน ทำไมมันไกลจังเนี่ย เราก็วิ่งเรื่อย ๆ เร่งความเร็วไม่ค่อยขึ้น และพอเข้ามาในสวนน้ำคนจะเยอะทั้ง เดินวิ่ง ฟันรัน และคนที่ไปออกกำลังกายอยู่แล้วประจำ สนามนี้ทั้งสองคนทำเวลาได้ค่อนข้างดีกว่าฮาล์ฟสนามแรก คงเป็นเพราะความกลัวน้อยลง และเส้นทางไม่เป็นเนินเหมือนที่เชียงรายมาราธอน
หลังเข้าเส้นชัย เรารับเหรียญกันเสร็จ คือครั้งแรกตอนที่สมัครเห็นในเว็บว่าเหรียญสวยนะ แต่พอมาเห็นของจริง โอวสวยนะสวยจริง แต่ขนาดใหญ่ และหนักกว่าเหรียญอื่น ๆ ที่เราเคยไปวิ่งกันมา ไปเข้าแถวรับอาหาร สำหรับงานนี้ถ้าจะติก็คงจะมีเรื่องอาหารครับ ที่ค่อนข้างน้อย และไม่จัดแยกกันระหว่าวิ่งมินิ กับฮาล์ฟ ทำให้นักวิ่งหลาย ๆ ท่านไม่ได้ทานอาหารกัน
หลังจากกลับที่พัก ทำธุระส่วนตัวก็นอนพักกันแป๊บนึง เช็คเอาท์ เรียบร้อย ก่อนกลับมีเพื่อนแนะนำให้ไปกินขนมจีนร้านครูยอด ตอนเข้าไป โห เป็นร้านขนมจีนที่ร้านใหญ่มาก และมีคนมาทานมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเข้าไปในซอยลึก ( แต่เราไม่รู้ว่าซอยอะไรนะ ต้องลองหาใน google อีกที) อาหาร ขนมจีน ส้มตำ ถือว่าอร่อยถูกปากระดับนึง ไม่รอช้าจัดการทำลายอย่าให้เหลือซาก เมื่ออิ่มหนำกันแล้วสถานีต่อไปก็เดินทางกลับ กทม. ไปทำงานหาเงิน เก็บเงินไปงานวิ่งกันต่อ 55
สำหรับฮาล์ฟงานหน้าเจอของเราสองคน เจอกันสนาม #Surat Half Marathon 2017 วันที่ 3 ธันวาคม 2560 มารอลุ้นว่าเวลาจะดีกว่าเดิมไหม